เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ดื่มไปเชียร์ I can see your voice ไป

นอกจากรายการ The Mask Singer ของทางช่อง Workpoint จะได้รับความนิยมแบบสูงสุดแล้วนั้น ยังมีอีกหนึ่งรายการที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน นั่นก็คือรายการ I Can See your voice นั่นเอง โดยที่รูปแบบของรายการนั้นก็ได้มีการซื้อลิขสิทธิ์มาจากประเทศเกาหลีเหมือนกับรายการ The Mask Singer นั่นแหละ โดยที่ความสนุกสนานของรายการนี้นั้นก็คงจะอยู่ที่กติกาของการแข่งขันนั้น จะมีการนำผู้เข้าแข่งขันหลายคนมายืนเพื่อให้แขกรับเชิญได้ทายว่า ผู้เข้าแข่งขันท่านไหนเสียงเพราะ ท่านไหนเสียงเพี้ยน ซึ่งโดยที่แขกรับเชิญที่มาร่วมแข่งขันนั้นก็จะต้องเป็นนักร้องอาชีพแทบทั้งนั้น โดยที่ผู้เข้าแข่งขันนั้นจะมีปะปนกันไปทั้งผู้ร้องเพลงเพราะแล้วกับผู้ร้องเพลงเพี้ยน ซึ่งนอกจากจะมีแขกรับเชิญที่เป็นศิลปินแล้วนั้น ก็ยังจะมีคณะกรรมการที่จะคอยช่วยเหลือผูเข้าแข่งขันในการเลือกสรรผู้ที่มีเสียงเพราะ ซึ่งความสนุนสนานจะอยู่ที่คณะกรรมการทั้งหลายนี่แหละที่นำทีมโดย อ.หนึ่งจักรวาร ผู้เชี่ยวชาญทางด้านดนตรี และเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินชื่อดังมาแล้วมากมาย ต่อมาก็คงจะดีครูอ้วน ครูสอนร้องเพลงชื่อดังและมีสถาบันร้องเพลงเป็นของตัวเอง ซึ่งมีลูกศิษย์ที่เป็นศิลปินมาทั่วฟ้าเมืองไทย นอกจากนี้แล้วยังมีดีเจนุ้ย ซึ่งถือได้ว่าเป็นดีเจสายฮา เรียกความสนุกสนาน เรียกความบันเทิงให้กับผู้ร่วมแข่งขันรวมทั้งสร้างความสนุกให้กับผู้ที่รับชมทางบ้านได้อย่างมากมายเลยทีเดียว โดยคณะกรรมการจะทำหน้าที่คอยสังเกตุพฤติกรรมของคนที่มาร่วมร้องเพลงว่า ลักษณะแบบไหนที่จะร้องเพลงเพราะ ลักษณะแบบไหนที่จะร้องเพลงเพี้ยน ซึ่ง แต่ละรอบของการแข่งขันนั้น ทางแขกรับเชิญที่เป็นศิลปินจะต้องทำการคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันที่ตัวเองคิดว่าเสียงเพี้ยนออกรอบละหนึ่ง 1 คน โดยที่ในแต่ละรอบนั้นก็จะให้มีโอกาสได้รับชมความสามารถของผู้เข้าแข่งขันในแบบต่างๆกันไปเช่นอาจจะให้พูดคุยแนะนำตัว อาจจะให้เต้น อาจจะให้ร้องเพลงลิปซิ้ง เป็นต้น โดยที่คัดออกไปเรื่อยๆรอบละคนๆ จนในที่สุดนั้นให้เหลือไว้เพียงคนเดียว หรือคนสุดท้ายเพื่อที่ว่าผู้เข้าแข่งขันคนนี้นั้นจะได้มีโอกาสร่วมร้องเพลงกับแขกรับเชิญ และเป็นเพลงที่แขกรับเชิญเลือกมาเอง ซึ่งต้องมาร้องโดยที่ตัวแขกรับเชิญนั้นก็ยังไม่ทราบได้เลยว่า คนที่เราเลือกมาร้องด้วยนั้นเสียงจะเพราะหรือเสียงจะเพี้ยนนั่นเอง ซึ่งความสนุกสนานมันจะอยู่ตรงนี้ไม่มีใครรู้ ซึ่งแม้แต่ตัวนักดนตรีที่เล่นเป็นแบ๊คอัพให้กับศิลปินนั้นก็ยังไม่รู้เลยว่าผู้เข้าแข่งขันจะเสียงเพราะหรือเพี้ยนนั่นเอง

แน่นอนว่าทางช่อง Workpoint นั้นไม่เพียงแต่ออกอากาศทางช่อง 23 เท่านั้น แต่ตอนนี้เนื่องจากกระแส Social มาแรง ทางช่องจึงได้มีการใช้ Social ให้เป็นประโยชน์โดยการออกอากาศผ่าน Page Facebook ของรายการ ซึ่งผู้ชมทางบ้านนั้นก็สามารถที่จะร่วมสนุกทายผลได้ด้วยว่าคนที่กำลังทำการร้องเพลงอยู่นั้น จะร้องเสียงเพราะหรือเสียงเพี้ยนนั่นเอง ซึ่งการทำในลักษณะที่ออกอากาศผ่านช่องทีวีไปด้วย เปิดให้ชมผ่าน Live Streaming ไปด้วยนั้น ประเทศไทยถือว่ายังไม่มีใครทำ ซึ่งทาง Workpoint นั้นถือได้ว่าเป็นเจ้าแรกของประเทศไทยเลยที่กล้าทำแบบนี้ แน่นอนว่าเป็นการเรียกกระแสได้แบบชนิดที่ว่าดังเพียงข้ามคืนเลยทีเดียว เพราะคนส่วนใหญ่นั้นเข้าถึง Social ได้อย่างได้ดายจากโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ดังนั้นหากจะต้องทำงานอยู่ หรือไม่สะดวกที่จะเปิดรับชมโทรทัศน์ก็แค่มีโทรศัพท์ที่เป็น Smart Phone ก็สามารถที่จะรับชมรายการเกมส์โชว์สนุกๆของช่องนี้ได้แล้วนั่นเอง

จะเห็นได้ว่าเหตุผลสำคัญของการที่บริษัท Workpoint นั้นประสบความสำเร็จนั้นก็คงเป็นเพราะว่า ทางบริษัทนั้นมีการปรับกลยุทธิ์ให้เข้ากับยุคสมัย โดยที่ยุคสมัยนี้เปลี่ยนไปแล้ว คนหันมาดูทีวีกันน้อยลง หันไปสู่หน้าจอมือถือกันมากขึ้น ทางช่องก็ไม่ปล่อยให้โอกาสตรงนี้หลุดลอยไป มีการปรับไปสู่หน้าจอมือถือด้วยเช่นกันนับได้ว่าเป็นเรื่องของยุทธศาสตร์ที่ดีในการทำไปปรับใช้กับองค์กรอื่นๆด้วยเช่นกัน เพราะว่าหากเรานั้นไม่เดินหน้าตามเทคโนโลยี ก็เท่ากับว่าเรานั้นก็จะกลายเป็นตกยุค ไม่ทันโลกซึ่งปัจจุบันนี้โลกนั้นถือว่าได้ไปไกลกว่าที่เราคิดไว้เยอะแล้ว สรุปง่ายๆคือแค่เรายืนเฉยๆนั้น โลกก็เดินไปข้างหน้าเราแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราไม่คิดจะตามโลกยังไงก็ไม่มีทางที่จะทันอย่างแน่นอน

ซึ่งการทำมาหากินในอาชีพอื่นๆก็เช่นกัน แม้กระทั่งขายอาหารหรือขายสินค้าราคาถูกๆทั่วไปก็ตามแต่ ซึ่งถ้ามีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาใช้ อย่างเช่น มีการโพสขายสินค้าที่เราขายทาง Social Network มีการโพสขายลงไปใน App Lineเพื่อให้คนที่รู้จักเราได้เห็นว่าเรานั้นขายอาหารก็จะทำให้ร้านของเรานั้นมีโอกาสที่จะเป็นที่รู้จักกับคนทั่วไปมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย ซึ่งถ้าหากว่าเรานั้นอยากจะขายอาหารหรือน้ำดื่มบ้างนั้นก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะหารายได้เสริมนั่นเอง แน่นอนว่าเราก็จะต้องมีเครื่องปั่นน้ำผลไม้สักหนึ่งเครื่องก่อนที่จะใช้งาน โดยที่ เครื่องปั่นน้ำผลไม้นี่แหละที่เราวางโครงการไว้แล้วว่าเรานั้นจะใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ในการที่จะหารายได้ให้กับเรา ซึ่งเราจะใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ในการมาทำน้ำผลไม้เพื่อจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าที่อยู่ตามสถานที่ต่างๆตามที่เราจะต้องออกไปจัดจำหน่ายนั่นเอง แน่นอนสิ่งแรกที่จะต้องเตรียมหามานั้นก็คงจะหนีไม่พ้นเครื่องปั่นน้ำผลไม้ซึ่งถ้าหากว่าเรานั้นมีเครื่องปั่นน้ำผลไม้ของเราอยู่แล้วก็ถือว่าดีไป ไม่ต้องไปเสียเงินเสียทองในการที่จะซื้อเครื่องปั่นน้ำผลไม้อันใหม่ แต่ถ้าเรานั้นยังไม่มีเครื่องปั่นน้ำผลไม้ก็จะต้องไปหาซื้อเตรียมไว้ โดยที่เรานั้นสามารถที่จะหาซื้อ เครื่องปั่นน้ำผลไม้ได้จากร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป หรือจะสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ก็ได้ด้วยเช่นกัน เมื่อเราได้เครื่องปั่นน้ำผลไม้มาแล้วนั้น คราวนี้ก็มาถึงเวลาที่เราจะต้องขายน้ำผลไม้ของเราแล้ว เราจะต้องคิดและวางแผนให้ดีว่าเรานั้นจะขายน้ำผลไม้อะไรบ้าง และจะไปหาซื้อวัตถุดิบที่ไหนบ้าง นอกจากนี้แล้วเรายังจะต้องวางแผนว่าเรานั้นจะไปจัดจำหน่ายที่สถานที่ใดได้บ้าง ซึ่งถ้าจะให้แนะนำนั้นก็คงจะต้องเป็นสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ไม่ว่าจะเป็นตลาดนัด แหล่งชุมชน หรือสถานที่ที่จัดการแข่งขันกีฬาที่มีจำนวนผู้ชมเป็นจำนวนมากๆ ยิ่งโดยเฉพาะหากเรานั้นได้มีโอกาสไปขายที่สนามกีฬาราชมังคลาแล้วล่ะก็ โอกาสที่เราจะขายดิบขายดีนั้นมีอย่างแน่นอน เพราะว่าการที่ไปขายให้แหล่งเชียร์กีฬาและอากาศร้อนๆนั้น ผู้คนส่วนใหญ่ก็หิวกระหายน้ำ อยากที่จะรับประทานน้ำกันอยู่แล้ว ดังนั้นหากว่าเรามีโอกาสไปขายก็คงจะดีไม่น้อย และอย่าลืมว่าเราควรจะต้องเลือกวันที่จัดจำหน่ายให้เหมาะสมด้วย เช่นถ้าเลือกวันจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ให้ตรงกับวันที่มีการแข่งขันของฟุตบอลทีมชาติไทยแล้วล่ะก็ ด้วยกระแสของแฟนบอลไทยในตอนนี้ถือได้ว่ามาแบบแรงสุดๆดังนั้นความจุของสนามราชมังคลานั้นเต็มความจุอย่างแน่นอน ซึ่งจุได้ถึงจำนวนสี่หมื่นคนเลยทีเดียว ซึ่งการที่มีคนขนาดนี้ รับรองได้เลยว่าน้ำผลไม้ของเรานั้นจะต้องขายดิบขายดีอย่างแน่นอน ยิ่งช่วงนี้เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเต็มตัวแล้ว ก็ยิ่งเท่ากับว่าเรานั้นจะต้องหิวน้ำกระหายน้ำอย่างแน่นอน เอาล่ะเกริ่นมาเยอะแล้วก็คงได้แต่หวังว่าใครที่คิดจะมีอาชีพเสริมก็ขอให้ตั้งมั่นตั้งใจ มองไปข้างหน้าและไปให้ถึงเป้าหมายตามที่เราตั้งใจไว้